อัพเดทสถานการณ์ 10 ปี ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของไทย
.
การซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจในประเทศไทย มีอยู่ 2 รูปแบบหลัก คือ รูปแบบแรก เรียกว่า Over the Counter (OTC) เป็นการตกลงราคากันเอง ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย และรูปแบบที่สอง ที่เรียกว่า ซื้อขายผ่าน Exchange Platform โดยผ่านศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งส่วนใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าความนิยมในการซื้อขายแบบตกลงราคากันเองด้วยความสมัครใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย (OTC) นั้นมีจำนวนมากกว่าแบบซื้อขายผ่าน Exchange Platform สำหรับ “ราคาซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVERs ภาคสมัครใจ” พบว่า ความหลากหลายค่อนข้างมาก ช่วงราคาที่แตกต่างกันนั้น ขึ้นกับหลายปัจจัย อาทิ ประเภทของโครงการ ปีที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิต ความน่าเชื่อถือของโครงการต่อผู้ซื้อ ผู้พัฒนาโครงการ ที่ตั้งของโครงการ และประโยชน์ร่วมที่เกิดขึ้นจากโครงการนอกเหนือไปจากการลดก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น โดยที่ปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึงปัจจุบัน (31 ม.ค. 68) มียอดสะสม 3,612,122 tCO2eq คิดเป็นมูลค่า 323,342,189 บาท อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 120% ซึ่งเป็นคาร์บอนเครดิตในรูปแบบ Standard T-VER ทั้งหมดที่เข้าสู่ตลาดคาร์บอน มีการซื้อขายแบบ OTC และผ่าน Exchange Platform แล้วมี 79 โครงการ จากทั้งหมด 181 โครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิต TVERs จาก อบก. คิดเป็น 43.65%
.
ในส่วนของ “ผู้ที่ซื้อคาร์บอนเครดิต TVERs” ซึ่งเป็น Demand นั้น พบว่า ได้นำคาร์บอนเครดิตไปใช้ เพื่อการชดเชยตามวัตถุประสงค์ต่างๆ จำนวน 1,954,727 tCO2eq หรือสัดส่วน 9.12% ของคาร์บอนเครดิตที่ถูกรับรองทั้งหมด ส่งผลให้มีคาร์บอนเครดิตเหลือในระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิตกว่า 19,482,242 tCO2eq สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศไทยนั้นยังคงอยู่ในสภาวะอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิต 996 บัญชี มีเพียง 65 บัญชี ที่มีการถือครองคาร์บอนเครดิตในบัญชีเกิน 10,000 tCO2eq ซึ่งผู้พัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิต/ผู้ถือครองคาร์บอนเครดิตบางราย เลือกที่จะถือครองไว้ในระยะยาวสำหรับใช้ในอนาคต หรือไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการขาย หากคาดการณ์คาร์บอนเครดิตที่มีศักยภาพที่จะเกิดการซื้อขายนั้นอาจมีเพียง 6,360,018 tCO2eq เท่านั้น
.
นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้ซื้อคาร์บอนเครดิต (Buyer) ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มักจะคำนึงราคาคาร์บอนเครดิตที่ถูกกว่าเท่านั้น แต่มีแนวโน้มว่า พฤติกรรมผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปให้สอดคล้องกับกระแสโลก ที่ให้ความสนใจซื้อคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพสูง (High Integrity) มากขึ้น เพื่อลดข้อกังวลเกี่ยวกับการฟอกเขียว ที่หมายถึงการซื้อคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการโฆษณาเกินจริง แต่ไม่ได้มีมาตรฐานการลดก๊าซเรือนกระจกที่ถูกต้องรองรับ รวมถึง ส่งผลให้เจ้าของมาตรฐานรับรองคาร์บอนเครดิต ต้องปรับตัว เพื่อลดข้อกังวลในการรับรองคาร์บอนเครดิตเกินความเป็นจริงด้วยเช่นกัน ทำให้คาร์บอนเครดิตในประเทศไทย จากฝั่งผู้ขายและฝั่งผู้ซื้อ มีแนวโน้มที่จะมุ่งสู่คาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองอย่างมีคุณภาพสูง เพิ่มมากขึ้นไปด้วย
.
สำหรับผู้สนใจติดตามข้อมูล สถานการณ์การซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจในประเทศไทย สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) URL: www.tgo.or.th และโปรดระมัดระวังการหลอกลวงให้หลงเชื่อ ให้ลงทุนโครงการคาร์บอนเครดิต ที่มิใช่โครงการ T-VER ที่ให้การรับรองโดย อบก.
ที่มา : องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)