Pod ทำร้ายสุขภาพ ทำลายสิ่งแวดล้อม
  • 1 มิถุนายน 2566
  • 254 ครั้ง

ในปัจจุบันมีบุหรี่ 2 ประเภท คือ บุหรี่ธรรมดาหรือยาสูบ และบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งสองชนิดล้วนเป็นสิ่งไม่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม บุหรี่ธรรมดาถูกผลิตและใช้งานมานานตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้มีการศึกษาเกี่ยวกับมันมากมาย แต่กลับกัน บุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งใหม่ที่พึ่งคิดค้นขึ้นมา และการศึกษาเกี่ยวกับมันก็ยังมีไม่มากเท่าที่ควร ถึงแม้ภายนอกบุหรี่ไฟฟ้าจะดูอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น
.
บุหรี่ธรรมดาผลิตจากต้นยาสูบที่เป็นพืชต้องการน้ำมาก และทำให้ดินเสื่อมโทรม อีกทั้งการผลิตยังใช้ไม้ฟืนบ่มใบยาสูบให้สุก ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซ CO2 จำนวนมาก และยังใช้สารเคมีอีกกว่า 4,000 ชนิด ทำให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม รวมถึงก่อให้เกิดขยะปนเปื้อนสารเคมีจากก้นกรองบุหรี่ที่ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 10 กว่าปี ส่วนผลกระทบด้านสุขภาพนั้นได้มีการวิจัยต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าร้ายแค่ไหน
.
แต่บุหรี่ไฟฟ้า (Vaporizer และ e-cigarette) หรือที่เรียกว่า “พอต (Pod)” เป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่ง ที่ใช้กลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อน ทำปฏิกิริยากับน้ำยาภายในตลับจนระเหยเป็นไอ ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีต่าง ๆ ที่ไม่เกิดควันจากการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา
.
แม้ Pod จะไม่ทำให้เกิดควันที่มีองค์ประกอบของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ทาร์ (Tar) และฝุ่นละออง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งและโรคทางเดินหายใจ แต่ Pod ต้องใช้ควบคู่กับน้ำยา ซึ่งมีสารประกอบต่าง ๆ ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างคาดไม่ถึง
.
น้ำยาที่บรรจุอยู่ในตลับของ Pod มีสารเคมีหลายชนิด ได้แก่ สารนิโคติน ที่เป็นสารเสพติด พบได้ทั้งในบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นระดับความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งตับอ่อน รวมถึงมีส่วนก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
.
นอกจากนี้ ยังมีสารโพรไพลีนไกลคอลที่เป็นสารประกอบช่วยทำให้เกิดไอ ซึ่งผสมกับสารกลีเซอรีนที่เป็นสารเพิ่มความซื้น โดยสารทั้งสองชนิดนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหารและยาในปริมาณที่เหมาะสม แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าหากมันเปลี่ยนรูปเป็นไอระเหยที่สูดเข้าร่างกายจะมีผลกระทบอย่างไร แต่จากการคาดการณ์ระบุว่า เมื่อสัมผัสหรือสูดเข้าไปอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ดวงตา และปอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
.
ในส่วนไอระเหยของน้ำยา Pod พบว่า มีสารประกอบหลายชนิดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น สารโลหะหนัก สารหนู สารกลุ่มฟอร์มาลดีไฮด์ และกลุ่มเบนซีน เป็นต้น ไอระเหยที่ปล่อยออกมามีอนุภาคเล็กกว่าควันที่ปล่อยจากบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถเข้าสู่ปอดส่วนลึกได้มากกว่าควันบุหรี่ และสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้มากกว่า ซึ่งยากต่อการขับออกจากร่างกายตามวิธีทางธรรมชาติ
.
ด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ Pod ถือเป็นปัญหาใหญ่ในต่างประเทศ เนื่องจากบางประเทศยังคงสามารถนำเข้าและจำหน่ายได้ ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่สั่งห้ามนำเข้า จำหน่าย และครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีข้อมูลจากสหราชอาณาจักร ระบุว่า ในแต่ละเดือนมีการซื้อบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Pod Disposable) มากถึง 14 ล้านชิ้น และในแต่ละสัปดาห์บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียว ถูกทิ้งมากถึง 5.4 ล้านชิ้น
.
Pod ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์สูบบุหรี่เท่านั้น แต่ยังเป็น “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” ที่มีส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าและแบตเตอรี่ไม่ต่างจากอุปกรณ์อื่น ๆ แต่ Pod แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมักจะถูกใช้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อใช้เสร็จก็ถูกโยนทิ้งรวมกับขยะอื่น ๆ ซึ่งเป็นการทิ้งที่ผิดวิธี การทิ้งแบบนี้อาจทำให้สิ่งแวดล้อมปนเปื้อนสารเคมีในน้ำยา Pod และแบตเตอรี่ได้ รวมถึงแบตเตอรี่อาจเกิดการระเบิด ซึ่งบ่อยครั้งที่เกิดไฟไหม้กองขยะ ก็มีสาเหตุจากการระเบิดของแบตเตอรี่ Pod
.
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่แบบไหนก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับมัน เพราะบุหรี่ทั้งสองแบบล้วนอันตรายทั้งคู่ ดังนั้น ควรลด ละ เลิก การยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ทั้งแบบธรรมดาและแบบไฟฟ้า แต่หากยังเลิกไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรทิ้งอย่างถูกวิธีโดยการแยกบุหรี่ไฟฟ้าทิ้งในถังขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะวงจรไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถนำมารีไซเคิลใหม่ได้เช่นกัน
.
ที่มา - กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม